วันเสาร์ที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

นับถอยหลัง


13 DAYS only

fight for !!!

Faculty of education
Silpakorn University
7/11/09
20/11/09

วันศุกร์ที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

นับถอยหลัง


14 DAYS only

fight for !!!

Faculty of education
Silpakorn University

6/11/09
20/11/09

วันพฤหัสบดีที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

นับถอยหลัง

15 DAYS only
fight for !!!
Faculty of education
Silpakorn University
5/11/09
20/11/09

เข้ามหาวิทยาลัย “เพราะเห็นคุณค่า” หรือ “เพื่อใบปริญญา”


เข้ามหาวิทยาลัย “เพราะเห็นคุณค่า” หรือ “เพื่อใบปริญญา”

นับตั้งแต่ปีการศึกษา 2547-2550 สถาบันอุดมศึกษาไทยมีนักศึกษาเพิ่มขึ้น โดยระดับปริญญาตรี ระหว่างปีการศึกษา 2547-2549 มีจำนวนนักศึกษาเพิ่มขึ้น 497,542 คน 506,054 คน และ 549,235 คน ตามลำดับ และลดลงในปีการศึกษา 2550 ที่มีจำนวน 506,650 คน เช่นเดียวกับระดับปริญญาโท ที่นักศึกษาเพิ่มขึ้นช่วงปีการศึกษา 2547-2549 จำนวน 497,542 คน 51,733 คน และ 59,001 คนตามลำดับ แต่ลดลงในปีการศึกษา 2550 ที่มีจำนวน 52,992 คน ขณะที่นักศึกษาระดับปริญญาเอกเพิ่มขึ้นทุกปี โดยช่วงปีการศึกษา 2547-2550 มีจำนวนนักศึกษา 2,114 คน 3,098 คน 3,433 คน และ 3,888 ตามลำดับ

อย่างไรก็ตาม มีนักวิชาการด้านการศึกษาและผู้ใหญ่ในสังคมหลายท่านแสดงความเป็นห่วงว่า จะมีนักศึกษาจำนวนมากเข้าเรียนระดับอุดมศึกษาเพื่อต้องการปริญญา แต่ไม่ได้สนใจในสาขาวิชาที่เรียนอย่างแท้จริง และผลกระทบระยะยาวคือ แรงงานระดับปริญญาตรีและระดับบัณฑิตศึกษาล้นตลาด ซึ่งในประเด็นแรงจูงใจในการเรียนระดับอุดมศึกษา มีการกล่าวถึงในต่างประเทศเช่นกัน

ศ.ไมค์ ธอร์น (Mike Thorne) รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยแองเกลีย รัสกิน (Anglia Ruskin University) กล่าวว่า ปัจจุบันแรงจูงใจในการเรียนของนักศึกษามหาวิทยาลัย ไม่ได้อยู่ที่การรักในสิ่งที่เรียน แต่เกิดจากการเห็นว่าใบปริญญาเป็นเหมือนหนังสือเดินทาง ที่นำไปสู่โลกของการทำงาน มีนักศึกษาส่วนน้อยเท่านั้นที่มีค่านิยม “เรียนเพราะเห็นคุณค่าในสิ่งที่เรียน” ซึ่งค่านิยมดังกล่าวนี้ เริ่มขึ้นเมื่อรัฐบาลทำให้มหาวิทยาลัยกลายเป็นเครื่องจักรขับเคลื่อนเศรษฐกิจ โดยนโยบายการศึกษาของประเทศหลายข้อถูกผลักดันด้วยประเด็นทางเศรษฐกิจเป็นหลัก

ก่อนหน้านี้ ความเชื่อมโยงระหว่างเศรษฐกิจและการศึกษามีไม่มากนัก ลูกตุ้มที่แกว่งไปมาระหว่าง 2 ด้าน มักจะแกว่งไปที่การศึกษามากกว่าเศรษฐกิจ นักศึกษาจะเห็นคุณค่าและรักในสิ่งที่เรียน แม้ว่าปริญญาบัตรที่ได้รับจะไม่นำไปสู่โลกของการทำงานในภาคธุรกิจ แต่อย่างน้อยก็ได้นำพวกเขาไปสู่โลกของนักวิชาการ ที่มีส่วนสำคัญในการพัฒนาองค์ความรู้ให้กับประเทศ

ศ.เลวิส อีตัน (Lewis Elton) ศาสตราจารย์ (เกียรติคุณ) มหาวิทยาลัยคอลเลจลอนดอน (University College Lodon) ได้แสดงความคิดเห็นในมุมตรงข้าม กล่าวว่า ความคิดของ ศ.ธอร์นไม่ใช่สิ่งผิด แต่หากมองอีกด้าน มหาวิทยาลัยมีบทบาทและภารกิจเพียงการเตรียมความพร้อมนักศึกษาสำหรับการใช้ชีวิตจริงในโลกของการทำงาน แต่ไม่สามารถเข้าไปเปลี่ยนแรงจูงใจในการเรียนของนักศึกษาได้ อีกทั้ง บรรดานายจ้างไม่ได้กำหนดชัดว่าพวกเขาต้องการพนักงานที่มีแรงจูงใจที่ถูกต้องทั้งในการเรียน แต่สิ่งที่พวกเขาต้องการคือ ความสามารถในการทำงาน

ผมมีความคิดเห็นว่า แรงจูงใจในการเรียนที่เกิดจากการรักสิ่งที่เรียนมีความสำคัญ และไม่ได้ผิดอะไร หากนักศึกษาศึกษาต่อมหาวิทยาลัยในบางสาขา โดยมีความตั้งใจแน่วแน่ว่าต้องได้ปริญญาเพื่อเบิกทางเข้าทำงานในสาขาที่สนใจ แต่สภาพจริงกลับพบว่า มีนักศึกษาจำนวนมากไม่ได้ตั้งเป้าหมายตั้งแต่แรกว่า จะเรียนสาขาใดหรือจบออกไปจะประกอบอาชีพใด แต่เรียนอะไรก็ได้เพื่อให้ได้ใบปริญญา ความตั้งใจเรียนจึงมีไม่มากนัก

ลักษณะของนักศึกษาที่เรียนเพื่อให้ได้ใบปริญญา เช่น เรียนสาขาอะไรก็ได้ที่สอบติด หรือเรียนไม่ยาก จบง่าย และไม่สนใจว่าจะนำความรู้ที่ได้เรียนนั้นไปใช้ประโยชน์หรือไม่ พฤติกรรมการเรียนมีลักษณะ เข้าเรียนบ้างไม่เข้าเรียนบ้าง อาศัยการถ่ายเอกสารจากสมุดบันทึกคำบรรยายของเพื่อนหรือเอกสารที่แจกในห้องเรียนเอาไว้อ่านช่วงใกล้สอบ นักศึกษาบางคนเรียนไปเรื่อย ๆ เกิดความเบื่อหน่ายในสิ่งที่เรียน ใช้วิธีเปลี่ยนสาขาวิชาหรือเปลี่ยนคณะ พฤติกรรมดังกล่าวก่อให้เกิดความสูญเปล่าของงบประมาณ เพราะค่าเล่าเรียนของนักศึกษากว่าครึ่งเป็นเงินภาษีประชาชน แต่ประเทศกลับไม่ได้รับผลตอบแทนเป็นบัณฑิตที่มีคุณภาพป้อนเข้าสู่ตลาดแรงงานและสังคม หรือได้นักวิชาการที่มาสร้างองค์ความรู้ที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศ
ในทางตรงข้าม นักศึกษาที่มีแรงจูงใจเพื่อต้องการวิชาความรู้ไปใช้ประโยชน์ในการทำงานภาคธุรกิจหรือเป็นนักวิชาการ จะมีพฤติกรรมที่แตกต่างคือ นักศึกษาจะมีเป้าหมายว่าต้องการเรียนในสาขาวิชาหรือคณะใด โดยตั้งใจแน่วแน่ว่าจะเชี่ยวชาญในสาขาวิชานั้น ๆ เพื่อไปเป็นนักวิชาการหรือทำงานในบริษัทที่รับคนจบในสาขาวิชาดังกล่าว พฤติกรรมในการเรียนจะเรียนอย่างตั้งใจมากกว่านักศึกษาที่มีแรงจูงใจอยู่
ที่ใบปริญญาบัตร

การศึกษาต่อระดับอุดมศึกษาที่มีแรงจูงเพื่อแสวงหาความรู้อย่างแท้จริง จะส่งผลให้นักศึกษาได้รับประโยชน์จากการเรียนมากกว่านักศึกษาที่เรียนไปเรื่อย ๆ โดยไม่มีเป้าหมาย รอรับใบปริญญาอย่างเดียว เนื่องด้วยนักศึกษาที่มีแรงจูงใจเรียน เพื่อรู้ลึก รู้จริง และต้องการนำไปใช้ประโยชน์ ย่อมมีแนวโน้มตั้งใจเรียน มีความสุขกับการเรียน สามารถต่อยอดองค์ความรู้ในสาขานั้น ๆ ได้มาก และจะกลายเป็นกำลังคนที่มีคุณภาพป้อนสู่ตลาดแรงงาน และมีส่วนในการพัฒนาประเทศ

Credit สยามรัฐรายวัน

วันจันทร์ที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2552

Hot news. มธ.







****** ไฟไหม้ โรงอาหารกลาง มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ******

ปทุมธานี-ไฟไหม้โรงอาหารม.ธรรมศาสตร์ฯ นศ.นั่งกินข้าวหนีตายต้นเพลิงเตาปิ้งร้านสเต๊กเกิดเหตุเพลิงไหม้ร้านอาหารกลาง ภายใน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี เจ้าหน้าที่ดับเพลิงจาก เทศบาลคลองหลวง เทศบาลท่าโขลง และอบต.คลองสาม นำรถดับเพลิง 5 คัน เพื่อควบคุมเพลิงที่ลุกไหม้ เนื่องจากหลังคาของอาคารเป็นโฟมกันร้อน จึงทำให้ไฟลุกไหม้ได้ง่าย แต่เจ้าหน้าที่ก็ใช้น้ำฉีดไล่บนหลังคา และสามารถควบคุมเพลิงไว้ได้ ใช้เวลานาน 30 นาที
ส่วนสภาพภายในโรงอาหาร ทรัพย์สิน โต๊ะอาหาร และร้านค้านับ 10 กว่าร้าน ได้รับความเสียหายทั้งอาคารสอบสวน นางเกสร นุ่มอินทร์ อายุ 33 ปี พนักงานร้าน บีเคเค กริลล์ ให้การว่า ขณะอยู่ด้านหลังของร้าน ได้เปิดเตาปิ้งอาหาร ซึ่งจะเปิดไว้พออุ่น ๆ เป็นประจำทุกวันอยู่แล้ว หากมีลูกค้ามาสั่งจึงจะเร่งเตาเพื่อทำอาหารให้ลูกค้าที่สั่ง ก่อนเกิดเหตุเห็นน้ำคล้ายน้ำมันหยดลงมาจากปล่องเครื่องดูดอากาศ หยดลงเตาย่าง จนเกิดไฟลุกเพียงเล็กน้อย จังหวะนั้นจึงรีบวิ่งไปบอกให้คนมาช่วยดับไฟ แต่ช่วงที่วิ่งออกมาจากร้านไฟเกิดลุกไหม้ขึ้นหลังคาอย่างรวดเร็ว ทำให้นักศึกษา และพ่อค้าแม่ค้า ในโรงอาหารต่างพากันวิ่งหนีตายกัน ส่วนตนเองตกใจจึงวิ่งหนีออกมาแล้วแจ้งเจ้าหน้าที่ให้มาช่วยดับเพลิง
ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.คลองหลวง สอบสวนเบื้องต้น ทราบว่าต้นเพลิงมาจากร้าน บีเคเค กริลล์ ซึ่งเป็นร้านขายอาหารประเภทปิ้ง ย่าง แต่มีน้ำมันจากท่อปล่องดูดอากาศระบายความร้อนหยดลงใส่ทำให้เกิดเพลิงลุกไหม้ แต่สามารถควบคุมเพลิง ตรวจสอบภายในอาคารทราบว่ามีบรรดานักศึกษากำลังเข้ามานั่งรับประทานอาหารภายในโรงอาหาร พบว่ามีอาหารที่สั่งมาวางบนโต๊ะและยังรับประทานไม่เสร็จ แต่เนื่องจากเกิดเหตุ จึงรีบวิ่งหนีออกมาจากตัวอาคาร จึงโชคดีที่ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต ส่วนค่าเสียหายอยู่ระหว่างการสอบสวน และได้กันบุคคลภายนอกห้ามเข้าภายในตัวอาคาร เนื่องจากเกรงว่าจะได้รับอันตราย อย่างไรก็ตามจะได้สอบสวนอย่างละเอียดอีกครั้ง

วันเสาร์ที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2552

คำคม 3

ต่อ ภาค 3

James Lovell
(1928-)
นักบินอวกาศชาวอเมริกัน เป็นนักบินอวกาศประจำยาวอพอลโล 8 และเป็นมนุษย์คนแรกที่ได้ไปโคจรรอบดวงจันทร์ เขาเป็นผู้บังคับการยาวอพอลโล 13 ซึ่งน่าจะเป็นมนุษย์ชุดที่สามที่ไปเหยียบดวงจันทร์แต่ยานเกิดระเบิดเสียก่อน จึงต้องยกเลิกปฏิบัติการ บันทึกของเขาเป็นที่มาของภาพยนตร์เรื่อง Apollo 13

The earth from here
is a grand oasis
in the big vastness of space.
James Lovell, In Orbit Around the Moon
โลกจากที่นี่
เป็นโอเอซิสสดใส
ในอวกาศอันกว้างใหญ่
เจมส์ โลเวลล์, In Orbit Around the Moon


Konrad Lorenz
(1903-1989)
เป็นนักสัตววิทยาชาวออสเตรีย ผู้ที่มีบทบาทสำคัญในการวางรากฐานวิทยาศาสตร์ด้านชาติวงศ์วิทยา เขาเชื่อว่ามีแบบแผนบางอย่างของสัตว์ที่ถูกกำหนดจากพันธุกรรมและจะถูกกระตุ้นหรือปลดปล่อย โดยอิทธิพลของสภาพแวดล้อมเฉพาะสัตว์แต่ละชนิด เขาเสนอว่าการต่อสู้และสงครามของมนุษย์ มีที่มาจากพันธุกรรมของมนุษย์โดยดูจากพฤติกรรมของสัตว์ชั้นต่ำที่ต่อสู้ป้องกันอาณาเขตของตนในปี ค.ศ. 1973 ลอเรนซ์ได้รับรางวัลโนเบลสาขาการแพทย์จากผลงานด้านชาติวงศ์วิทยา

I belive I've found
the missing link
between animal and civilized man,
It is us
Konrad Lorenz
ข้าพเจ้าเชื่อว่าได้พบ
ส่วนเชื่อมต่อที่หายไป
ระหว่างสัตว์และมนุษย์ที่เจริญแล้ว
คือเรา
คอนราด ลอเรนซ์
Carl Sagan
( 1934-1996 )
Imagination
will often carry us
to worlds that never were.
But without it,
we go nowhereCarl
Sagan, Cosmos
จินตนาการ
บ่อยๆที่นำเรา
สู่โลกไม่มีจริง
แต่ปราศจากการจินตนาการ
เราก็ไม่ได้ไปที่ไหนเลย
คาร์ล ซาแกน Cosmos
C.G. Jung (Psychiatrist)
We cannot live the afternoon if life
according to the program on life’s morning;
for what was great in the morning will be little at evening,
and what in the morning was true will at evening have become a lie.
ชีวิตใกล้ปัจฉิมวัย ไม่เป็นไปตามแผนการเมื่อปฐมวัย
อะไรที่ยิ่งใหญ่เมื่อเช้า เป็นของเล็กน้อยเมื่อเย็น
อะไรที่เป็นสัจจะเมื่อแดดจ้า กลายเป็นมายาเมื่อยามพลบ

James Strong
Sometime, in the not unforeseeable future,
Men will stand on the frontiers of the solar system and face the stars.
Either they step back,
Content to live out the future alone,
Denying the spirit that has brought them thus far or they go on to the stars.
Which is it to be?
James Strong
สักวันหนึ่ง ในอนาคตที่ไม่ไกลเกินเห็น
มนุษย์จะยืนอยู่ที่พรมแดนของระบบสุริยะและหันหน้าไปสู่ดวงดาว
แล้วมนุษย์จะถอยหลังกลับคืน
พอใจเพียงจะอยู่โดยลำพังต่อไปในอนาคตละทิ้งแรงผลักดันที่นำมนุษย์ไปไกลถึงจุดนั้น
หรือมนุษย์จะเดินหน้าต่อไปสู่ดวงดาว
มนุษย์จะเลือกทางไหน?
เจมส์ สตรอง

วันศุกร์ที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2552

คำคม ภาค 2

คําคม ข้อคิด และประวัติชีวิต(ย่อ)ของนักวิทยาศาสตร์
ภาค2

อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์

(1879-1955)
นักวิทยาศาสตร์ที่มีชื่อเสียงและได้รับความนิยมมากที่สุดคนหนึ่งของโลก ผลงาน 3 ชิ้นที่ตีพิมพ์ในปี ค.ศ. 1905 เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของวิชาฟิสิกส์และความคิดของโลกตะวันตก ผลงานเหล่านี้ ได้แก่ ทฤษฎีปรากฏการณ์โฟโตอิเล็กทริก การเคลื่อนที่แบบบราวเนียน และทฤษฎีสัมพันธภาพ เขาได้รับรางวัลโนเบลสาขาฟิสิกส์เมื่อปี ค.ศ. 1922 ไอสไตน์เป็นชาวยิวที่เกิดในเยอรมนี เมื่อฮิตเล่อร์ขึ้นสู่อำนาจ ไอนสไตน์ตัดสินใจอพยพจากเยอรมนีไปอเมริกา และคัดค้านการขยายอิทธิพลของลัทธินาซี ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ไอน์สไตน์มีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนให้รัฐบาลสหรัฐฯ เริ่มโครงการสร้างอาวุธนิวเคลียร์ เนื่องจากขณะนั้นมีความเป็นไปได้ว่าเยอรมนีจะสามารถสร้างอาวุธนิวเคลียร์ เนื่องจากขณะนั้นมีความเป็นไปได้ว่าเยอรมนีจะสามารถสร้างอาวุธนิวเคลียร์ได้ หลังสงครามไอนสไตน์เข้าร่วมการรณรงค์ลดอาวุธและจัดตั้งรัฐบาลแห่งโลก รวมทั้งการตั้งถิ่นฐานชาวยิวในปาเลสไตน์อย่างแข็งขัน เขาปฏิเสธการรับตำแหน่งประธานาธิบดีที่ผู้นำ อิสราเอลเสนอให้
If there is any religion
Which is acceptable to
The scientific mind,
It is Buddhism.
Albert Einstein

ถ้าจะมีศาสนาใด

ซึ่งพอจะเข้ากันได้

กับแนวคิดของวิทยาศาสตร์สมัยใหม่

ศาสนานั้นคือศาสนาพุทธ

อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์

The most beautiful thing

we can experience is

the mysterious.

It is the Source of all

true art and science.

Albert Einstein, What I Believe.

สิ่งสวยงามที่สุด

ที่เราจะประสบได้

คือความลึกลับ

มันเป็นแหล่งกำเนิดของ

ศิลปะและวิทยาศาสตร์ที่

แท้จริงทั้งหมด

อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์, What I Believe

No amount of experimentation

can ever prove me right,

A single experiment

can prove me wrong.Albert Einstein

การทดลอง ไม่ว่าจะมากเพียงใด

ก็ไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่า ข้าพเจ้าถูก

การทดลอง เพียงการทดลองเดียว

สามารถพิสูจน์ได้ว่า ข้าพเจ้าผิด

อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์

If A equal success,

Then the formula

A = X + Y + Z

X is work.

Y is play.

Z is keep your mouth shut.

Albert Einstein

ถ้า A เท่ากับความสำเร็จแล้ว

สูตร A = X + Y + Z

X คือ งาน

Y คือ เล่น

Z คือ ปิดปากอัลเบิร์ต

ไอน์สไตน์

Politics are for the moment

An equation is for eternity.

Albert Einstein

การเมืองอยู่เพียงชั่วขณะ

สมการอยู่ชั่วนิรันดร

อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์

อาร์เธอร์ ซี. คลาร์ก

(1917-2008)

นักเขียนชาวอังกฤษผู้มีผลงานนิยายวิทยาศาสตร์และข้อเขียนด้านวิทยาศาสตร์มากมาย เขาพยากรณ์ไว้ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1945 ว่าจะมีการใช้ดาวเทียมในอวกาศรอบโลกเพื่อเป็นเครื่องมือสื่อสาร นิยายส่วนใหญ่เผยให้เห็นความสนใจของคลาร์กต่อจักรวาล และเรื่องของเทคโนโลยีกับมนุษย์ นิยายวิทยาศาสตร์ของเขาหลายเรื่องถูกสร้างเป็นภาพยนตร์ ที่รู้จักดี เช่น 2001 : A Space Odyssey และ 2010 : Odyssey II

It seems only reasonable that

Our enormous cosmos must be

Populated with other creatures,

Some of them more advanced than

We are.

Arthur C. Clarke

มันดูสมเหตุสมผลอย่างยิ่งว่า

จักรวาลอันกว้างใหญ่ของเรา จะต้อง

มีสิ่งมีชีวิตอย่างอื่นอาศัยอยู่ด้วย

ซึ่งบางอย่าง จะต้องก้าวหน้ากว่า

มนุษย์เราเสียอีกอาร์เธอร์

ซี. คลาร์ก

Clarke's first law:

When a distinguished but elderly scientist

States that something is possible,

He is almost certainly right.

When he states that something is impossible,

He is every probably wrong.

Clarke's second law:

The only way of discovering

The limits of the possible is

To try to step beyond them

Into the impossible.

Clarke's third law:

Any sufficiently advanced

Technology is indistinguishable

From magic.

Arthur C. Clarke, Three Clarke Law.

กฎข้อที่หนึ่งของคลาร์ก:

ถ้านักวิทยาศาสตร์อาวุโสที่สำคัญคนหนึ่ง

กล่าวว่า อะไรสักอย่างอาจเป็นไปได้

ก็จงแน่ใจได้เลยว่า เขาพูดถูก

แต่ถ้าเขากล่าวว่า มันเป็นไปไม่ได้

ก็เกือบจะเชื่อได้เลยว่า เขาพูดผิด

กฎข้อที่สองของคลาร์ก:

วิธีเดียวที่จะทราบขีดจำกัด

ของความเป็นไปได้ ก็คือ

พยายามก้าวไปให้ไกลเกินขีดจำกัดนั้น

ไปสู่ความเป็นไปไม่ได้

กฎข้อที่สามของคลาร์ก:

เทคโนโลยีใดๆ ที่ล้ำยุคเพียงพอ

ก็จะไม่แตกต่างไปจากความประหลาด

มหัศจรรย์ ที่เนรมิตรขึ้นมาด้วย

เวทมนต์คาถาอาร์เธอร์

ซี. คลาร์ก, กฎสามข้อของคลาร์ก

It may be that

The old astrologers had the truth

Exactly reversed

When they believed that

The stars controlled the destinies of men.

The time may come

When men control the destinies of the star.

Arthur C. Clarke

อาจเป็นได้ว่า

นักโหราศาสตร์โบราณเชื่อ

ในสิ่งตรงข้ามกับความจริง

ความเชื่อว่า

ดวงดาวควบคุมวิถีมนุษย์

เวลาอาจมาถึง

เมื่อมนุษย์ควบคุมวิถีชีวิตดวงดาว

อาร์เธอร์ ซี. คลาร์ก

If you've never seen a UFO,

You're not very observant.

And if you've seen as many as I have.

You won't believe in them.

Arthur C. Clarke

ถ้าคุณไม่เคยเห็น ยูเอฟโอ

คุณไม่ใช่คนช่างสังเกต

และถ้าคุณได้เห็นมากเท่าที่ผมเห็น

คุณก็จะไม่เชื่อ

อาร์เธอร์ ซี. คลาร์ก

วันเสาร์ที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2552

คําคม ข้อคิด และประวัติชีวิต(ย่อ)ของนักวิทยาศาสตร์

คําคม ข้อคิด และประวัติชีวิต(ย่อ)ของนักวิทยาศาสตร์


Plato

(428-347 ปีก่อนคริสตกาล)

นักปราชญ์ชาวกรีก ผู้มีอิทธิพลทางความคิดมากที่สุดคนหนึ่งของปรัชญาตะวันตก เป็นคนแรกที่ใช้คำว่า Philosophy ซึ่งแปลว่า "ความรักในความรู้" พลาโตศึกษาเรื่องต่างๆ มากมาย ที่เป็นหลักคือ ทฤษฎีของแบบ ซึ่งกล่าวว่าทุกสิ่งทุกอย่างในโลกแห่งความเป็นจริง เป็นเพียงเงาของแบบที่เที่ยงแท้ในโลกแห่งอุดมคติ

Self-conquest

is the freatest of

victory.

Plato

การชนะใจตนเอง

เป็นชัยชนะ

ยิ่งใหญ่ที่สุด

พลาโต




Rene Descartes

(1596-1650)

นักคณิตศาสตร์ นักวิทยาศาสตร์ และนักปรัชญาชาวฝรั่งเศส กล่าวกันว่าเขาเป็นบิดาแห่งปรัชญาสมัยใหม่ เขาพยายามนำวิธีพิสูจน์หาเหตุผลทางวิทยาศาสตร์โดยเฉพาะทางคณิตศาสตร์มาใช้กับปรัชญา ความจริงที่เขาค้นพบและกล่าวไว้ในประโยคที่รู้จักกันดีคือ

"ฉันคิดฉันจึงมีอยู่" " I think, therefore I am"

Except our own thought,

There is nothing

absolutely in our power.

Rene Descartes

ยกเว้นความคิดของเราเอง

ไม่มีอะไรอยู่ในอำนาจของเรา

อย่างแท้จริง

เรอเน เดส์การ์ตส์

Aristotle
(384-322 ปีก่อนคริสตกาล)
นักปราชญ์และนักวิทยาศาสตร์ชาวกรีก ผู้มีชื่อเสียงที่สุดคนหนึ่งในประวัติศาสตร์ งานเขียนของเขาส่วนใหญ่เป็นบันทึกจากการบรรยายความรู้ในหลายสาขา เช่น ตรรกวิทยา เมตาฟิสิกส์ และวิทยาศาสตร์ แก่นปรัชญาของอริสโตเติลคือทุกสิ่งเป็นส่วนหนึ่งของ Telos หรือ เจตจำนงตามธรรมชาติ เขาอธิบายว่า การเมืองคือการแสดงออกของเจตจำนงตามธรรมชาติของประชาชนแต่ละคน

Probable impossibilities
Are to be preferred to
Improbable possibilities.
Aristotle
ความเป็นไปไม่ได้ที่อาจเป็นไปได้
น่าใส่ใจกว่า
ความเป็นไปได้ที่ไม่น่าเป็นไปได้
อริสโตเติล


Socrates
(470-399 ปีก่อนคริสตกาล)
นักปราชญ์ชาวกรีก ผู้มีอิทธิพลต่อแนวคิดของตะวันตกผ่านทางพลาโตศิษย์ของเขา เขาเชื่อว่าการพูดคุยกันส่งผลมากกว่าการเขียน จึงใช้ชีวิตส่วนใหญ่พูดคุยถกเถียงกับผู้คนในตลาดและย่านชุมชน เขามีรูปร่างค่อนข้างเตี้ยและหน้าตาอัปลักษณ์ แต่มีความเชื่อมั่งสูงและควบคุมอารมณ์ได้ดี เขาใช้ชีวิตอย่างมีความสุขและได้รับการยอมรับสูง เพราะเป็นคนฉลาด มีอารมณ์ขันโดยไม่เสียดสีหรือเยาะเย้ยผู้อื่น เขาถูกตัดสินประหารชีวิตโดยให้ดื่มยาพิษด้วยข้อหาแนะนำพระเจ้าองค์ใหม่และมอมเมาเยาวชน

Other men live to eat,
While I Eat to live
Socrates
คนอื่นอยู่เพื่อกิน
ขณะที่ข้าพเจ้ากินเพื่ออยู่
โสเครติส

Galileo Galilei
(1564-1642)

นักฟิสิกส์และนักดาราศาสตร์ชาวอิตาลี ผู้ก่อให้เกิดการปฏิวัติทางวิทยาศาสตร์สมัยใหม่ ผลงานส่วนใหญ่เช่นการใช้กล้องดูดดาวสังเกตและค้นพบจุดดับบนดวงอาทิตย์ ภูเขาและหุบเหวบนดวงจันทร์ ดวงจันทร์ที่ใหญ่ที่สุด 4 ดวงของดาวพฤหัสบดีและด้านต่างๆของดาวศุกร์ ในด้านฟิสิกส์ เขาค้นพบกฏการตกสู่พื้นของวัตถุและการเคลื่อนที่ของวัตถุที่ถูกขว้างออกไป ในประวัติศาสตร์ด้านวัฒนธรรมถือว่ากาลิเลโอเป็นสัญลักษณ์ของการต่อสู้ กับผู้มีอำนาจเพื่อเสรีภาพในการแสวงหาคำตอบอย่างวิทยาศาสตร์
Philosophy is written
In that great book
Which ever lies before our gaze
--I mean the universe--
But we cannot understand
If we do not first lean the language
And grasp the symbols
In which it is written
Galileo Galilei
ปรัชญาเขียน
อยู่ในหนังสือเล่มที่ยิ่งใหญ่
ซึ้งวางอยู่เบื้องหน้าเราตลอดเวลา
--ข้าพเจ้าหมายถึงจักรวาล--
ทว่าเราจะไม่สามารถเข้าใจ
ถ้าเราไม่เรียนภาษาเสียก่อน
และจับความหมายของสัญลักษณ์ที่ใช้เขียน
กาลิเลโอ กาลิเลอิ

วันอาทิตย์ที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2552

วันเสาร์ที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2552

การคำคมจาก การเขียนที่ชื่นชอบ


Victor-Marie Hugo
ผลงานจากการเขียนหนังสือ ทางการเมือง
A ceux qui ignorent ,enseignez leur le plus de chose que vous pourrez ; la société est coupable de ne pas donner l'instruction gratis.
ควรจะสอนสิ่งต่างๆ ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ แก่ผู้โง่เขลาเบาปัญญา สังคมมีความผิดที่ไม่ได้ให้การศึกษาฟรี
Ceux qui vivent sont ceux qui luttent.
ผู้มีชีวิต คือผู้ที่ต่อสู้
Vouloir fermement, c'est pouvoir.
ตั้งใจจริงอย่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น
Persévérer, le secret de tous les triomphes.
ความเพียร คือเคล็ดลับแห่งชัยชนะทั้งปวง
Vivre, c'est ragarder devant soi.
การมีชีวิตอยู่ การมองไปข้างหน้า
Aimer, c'est agir.
ความรัก คือการกระทำ
เครดิต : หนังสือมรดกฝรั่งเศส (Patrimoine français) ของ คุณดารณี เมืองมา

วันศุกร์ที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2552

คะแนนสูง-ต่ำ GAT PAT รอบ 2

คะแนนสูง-ต่ำ GAT PAT รอบที่ 2

ความถนัดทั่วไปหรือGAT --คะแนนต่ำสุด-สูงสุด แบ่งเป็น
GAT-1 การคิดวิเคราะห์ 0.00-150.00
GAT-2 ภาษาอังกฤษ 0.00-142.50
รวมสองตอน 0.00-287.50 ค่าเฉลี่ย 84.82

PAT-1 ความถนัดทางคณิตศาสตร์
0.00-300 เฉลี่ย 87.11

PAT-2 ความถนัดทางวิทยาศาสตร์
0.00-235.00 เฉลี่ย 87.93

PAT-3 ความถนัดทางวิศวกรรมศาสตร์
5.00-260.00 เฉลี่ย 97.86

PAT-4 ความถนัดทางสถาปัตยกรรมศาสตร์
3.00-189.00 เฉลี่ย 80.75

PAT-5 ความถนัดทางวิชาชีพครู
0.00-219.00 เฉลี่ย 136.87

PAT-6 ความถนัดทางศิลปกรรมศาสตร์
0.00-168.00 เฉลี่ย 102.75

PAT-7.1 ความถนัดทางภาษาฝรั่งเศส
3.00-261.00 เฉลี่ย 89.30

PAT-7.2 ความถนัดทางภาษาเยอรมัน
36.00-273.00 เฉลี่ย 97.80

PAT-7.3 ความถนัดทางภาษาญี่ปุ่น
0.00-294.00 เฉลี่ย 95.98

PAT-7.4 ความถนัดทางภาษาจีน
3.00-264.00 เฉลี่ย 77.75

PAT-7.5 ความถนัดทางภาษาอาหรับ
48.75-296.25 เฉลี่ย 131.37

PAT-7.6 ความถนัดทางภาษาบาลี
51.00-186.00 เฉลี่ย 86.36

เครดิต :: http://www.thairath.co.th/content/edu/26616

วันอาทิตย์ที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

เตรียม GAT

เตรียม GAT ก่อนสอบ
คำสั่ง อ่านบทความที่กำหนดให้ ( ในบทความมีข้อความที่พิมพ์ด้วยอักษรตัวเข้ม ) แล้วสรุปความเชื่อมโยงข้อความที่กำหลดแต่ละข้อความที่เหลือให้สอดคล้องกับเนื้อหาในบทความ และเป็นไปตามเกณฑ์ ดังต่อไปนี้

1.ถ้าข้อความที่กำหนดมีข้อความอื่น ( ซึ่งอาจมีได้หลายข้อความ ) ที่ เป็นผลโดยตรง หรือ เกิดขึ้นในเวลาต่อมา ให้เติมตัวเลขประจำของข้อความอื่นที่สัมพันธ์และตามด้วย A
2.ถ้าข้อความที่กำหนดมีข้อความอื่น ( ซึ่งอาจมีได้หลายข้อความ )เป็นส่วนประกอบ / องค์ประกอบ / ความหมาย ให้เติมตัวเลขประจำของข้อความอื่นที่สัมพันธ์และตามด้วย D
3.ถ้าข้อความที่กำหนดส่งผลทำให้ข้อความอื่น (ซึ่งอาจมีได้หลายข้อความ ) ถูกลด/ยับยั้ง/ป้องกัน/ห้าม/ขัดขวาง/บั่นทอน ให้เติมตัวเลขประจำของข้อความอื่นที่สัมพันธ์และตามด้วย F
4.ถ้าข้อความที่กำหนด ไม่มีข้อความอื่นที่เป็นผลโดวยตรง หรือเกิดขึ้นในเวลาต่อมา ไม่มีข้อความใดมาเป็นส่วนประกอบ องค์ประกอบ ความหมาย สมาชิก ยับยั้ง ห้าม ขัดขวาง ดังกล่าวข้างต้น ให้เติม 99H
----------------------ทำความเข้าใจง่ายๆเกี่ยวกับคำสั่งข้อที่1---------------------

คำสั่งข้อที่1 เนี่ยนะครับ หมายความว่า ถ้าข้อความที่กำหนดให้นั้น ได้เป็นเหตผลทำให้โดยตรง ทำให้เกิดอะไรขึ้นตามมาในเวลาต่อมา ได้เป็นเหตุให้เกิดผล พูดง่ายๆ ไป ทำไร ให้ใครบางคนเป็นไรอย่างเงี๊ยะ หรือ ไปทำอย่างนั้นมา แล้วผู้หญิงก็ท้องในเวลาต่อมาว่างั้นก็ได้ (ลามกอีกแล้ว -*-)

ยกตัวอย่าง Ex.1

บทความว่า นายดำ (1)ขี้เกียจอ่านหนังสือ นายดำจึง (2)เอนท์ไม่ติด
คำตอบ
ข้อ ข้อความที่กำหนด รหัสคำตอบ

1 ขี้เกียจอ่านหนังสือ 02A

2 เอนท์ไม่ติด 99H

เหตุที่ข้อ 1 ตอบ 02A เพราะว่า ข้อความที่ 1 เป็นเหตุให้เกิด ข้อความที่ 2 ซึ่งเป็นผลในเวลาต่อมานั่นเองครับ
เหตุที่ข้อ 2 ตอบ 99H เพราะว่า ข้อความที่ 2 ไม่ได้เป็นเหตุให้เกิดผลอะไรตามมา ข้อความที่2 เป็นเพียงแค่ผลอันสิ้นสุดของบทความนี้แล้ว


------------------ทำความเข้าใจง่ายๆเกี่ยวกับคำสั่งข้อที่2-----------------------

คำสั่งข้อที่2 เนี่ยเค้าหมายความว่า ถ้าข้อความความที่กำหนดให้นั้น มีข้อความอื่นมาเป็นองค์ประกอบ ส่วนประกอบ สมาชิก ของข้อความที่กำหนดให้ หรือ มีข้อความอื่นมาเป็น ความหมาย ของข้อความที่กำหนดให้ หรือข้อความที่กำหนดให้เป็นเซตที่มีสมาชิกอยู่ พูดง่ายๆคือ "แม่"มีลูก2คนชื่อ "กอล์ฟ ก่ะ ไมค์" หรือ ความหมายของ Bird ก็คือ นก ไรงี้อ่ะครับ
ยกตัวอย่าง Ex.2
บทความว่า ใน (1)สวนสัตว์ มี (2)หมีแพนด้า (3)หมู (4)ลิง

คำตอบ
ข้อ ข้อความที่กำหนด รหัสคำตอบ

1 "สวนสัตว์" 02D 03D 04D {ถ้ามีคำตอบมากกว่า1ให้เรียงเลขจากน้อยไปหามาก}

2 "หมีแพนด้า" 99H

3 "หมู" 99H

4 "ลิง" 99H

เหตุที่ข้อ1 ตอบ 02D 03D 04D เพราะว่า ข้อความที่1 มี ข้อความที่2,ข้อความที่3,ข้อความที่4 มาเป็นองค์ประกอบ,สมาชิก,ส่วนประกอบให้ข้อความที่กำหนดให้
เหตุที่ข้อ 2,3,4 ตอบ 99H เพราะว่า ข้อความที่2,3,4 เหล่านี้ " ไม่ได้ " มี ข้อความใดมาเป็นสมาชิก,องค์ประกอบให้ ข้อความเหล่านี้เป็นเพียงสมาชิก หรือตัวลูก เป็นแค่ข้อย่อยสุด เป็นแค่สมาชิกของเซต มิได้เป็นหัวข้อใหญ่ นั่นเอง

---------------------ทำความเข้าใจง่ายๆเกี่ยวกับคำสั่งข้อที่3------------------------


คราวนี้ในคำสั่งข้อที่ 3 นะครับหมายความว่า ข้อความที่กำหนดให้เนี่ย เป็นผู้กระทำ หรือส่งผลให้ "ยับยั้ง,บั่นทอน,ป้องกัน,ขัดขวาง ต่อข้อความอื่น อย่างเช่น " เขื่อน ป้องกัน น้ำท่วม " ไรงี้นะครับ

ยกตัวอย่าง Ex.3
บทความว่า
(1)การสูบบุหรี่ บั่นทอน (2)สุขภาพร่างกาย ทำให้ตายไวนะจ๊ะ

คำตอบ

ข้อ ข้อความที่กำหนด รหัสคำตอบ

1 การสูบบุหรี่ 02F

2 สุขภาพร่างกาย 99H

เหตุที่ข้อ1 ตอบ 02F เพราะว่า ข้อความที่ 1 ได้เป็นผู้กระทำหรือส่งผลให้เกิดการ ยับยั้ง / ห้าม / บั่นทอน / ขัดขวาง ต่อ ข้อความที่ 2 สังเกตุจากคำว่า "บั่นทอน"
เหตุที่ข้อ2 ตอบ 99H เพราะว่า ข้อความที่2 ไม่ได้ กระหรือส่งผลให้เกิดการ ยับยั้ง บั่นทอน ขัดขวาง ข้อความใดๆ หรือ เป็นข้อความหรือเหตุการณ์สุดท้าย

-----------------ทำความเข้าใจง่ายๆเกี่ยวกับคำสั่งข้อที่4-----------------------

ในสั่งข้อที่4 นี้นะครับ มีลักษณะ ต่างจากค่ำสั่งข้ออื่นๆที่ผ่านมา คือ ข้อความที่กำหนดให้ไม่ได้เป็นเหตุ อาจเป็นแค่ผลก็ได้ ไม่ได้เป็นหัวข้อใหญ่ อาจเป็นหัวข้อย่อยสุดก็ได้หรือเป็นแค่องค์ประกอบของข้อความอื่นก็ได้ เป็นเหตุการณ์สุดท้าย ไม่ได้ไป ยับยั้ง ขัดขวาง ห้าม หรือบั่นทอน ข้อความใดๆ
** สังเกตุง่ายๆจากตัวอย่าง 1,2,3 ที่ตอบ 99H ***

ยกตัวอย่าง Ex.4
บทความว่า
(1)นายดำและนายแดง เป็นสมาชิก (2)ห้อง15

คำตอบ
ข้อ ข้อความที่กำหนด รหัสคำตอบ
1 นายดำและนายแดง 99H
2 ห้อง15 01D
เหตุที่ข้อ1 ตอบ 99H เพราะว่า ข้อความที 1 ไม่ได้เป็นหัวข้อใหญ่หรือเซตแต่เป็นเพียงหัวข้อย่อยสุดหรือสมาชิกในเซต (ไม่เข้าใจดูข้อ2) ไม่ได้ไปยับยั้ง ขัดขวางข้อความใด ไม่ได้เป็นเหต ให้ข้อความอื่นใดมากเป็นผล เป็นข้อความหรือเหตุการณ์สุดท้าย
เหตุที่ข้อ2 ตอบ 01D เพราะว่า นายดำและนายแดงเป็นสมาชิกในห้อง15อ๊ะ
****ข้อควรจำ***
1. เวลาอ่านบทความเสร็จต้องเชื่อบทความ ถ้าบทความบอกว่าคนบินได้ก็ต้องเชื่อครับ อย่ายึดหลักความจริงนี่ไม่ใช่วิชาคณิตศาสตร์
2. จะใส่ตัวอักษรA,D,F ให้สังเกตุคำ ด้วย เช่น บั่นทอน ต่อมาได้เกิด ทำให้ ป้องกัน ขัดขวาง ประกอบด้วย ฯลฯ เน้น*** ต้องสังเกตุคำ
3. -?. xxA ต้องเอาเลขประจำข้อความที่เป็นผลมา ตอบในข้อของ ข้อความที่ข้อเหตุ -?. xxD ต้องเอาเลขของข้อความที่เป็นองค์ประกอบ/สมาชิก/ตัวลูก มาตอบในข้อของ ข้อความที่เป็นตัวแม่/หัวข้อหลัก -?. xxF ต้องเอาเลขของข้อความที่เป็นข้อความที่ถูกกระทำ มาตอบในข้อของ ข้อความที่เป็นผู้กระทำ ผู้ยับยั้ง บั่นทอน
4. ข้อสอบที่เป็นบทความยาวๆ มักจะมีข้อความที่กำหนดให้ซ้ำอยู่หลายตำแหน่ง แต่โจทย์จะเน้นเป็นตัวหนาให้เพียงตำแหน่งแรกครั้งเดี่ยว สังเกตุดีๆอย่าอ่านข้าม5. กรณีที่บางข้อมีคำตอบมากกว่าหนึ่งคำตอบให้เรียงจาก เลขน้อยไปหามาก เช่น 02A 04D 05F6.โจทย์จริงจะไม่มีเลขหน้าข้อความที่กำหนดในบทความให้นะครับอันนั้นผมติ๊กไว้ให้เพื่อความชัดเจน เวลาทำจริงๆต้องดูเลขข้อจากตารางแล้วไปติ๊กในโจทย์เอาเอง ส่วนมากโจทย์จะเรียงเลขตั้งแต่1เป็นต้นไปให้ แต่ถ้าเจอโจทย์แบบยาวๆแล้วยังใจร้ายไม่เรียงเลขจาก1ให้ อย่างโจทย์ที่ผมจะยกตัวอย่างง่ายๆให้ในข้อข้างล่างครับ

-------------------------------โจทย์ ง่ายๆ เรียกน้ำย่อย -------------------------------

เด๋วจะทำให้ดู
บทความตัวอย่าง : นักเรียนดี
นักเรียนดี เป็นอย่างไร หากจะกล่าวอย่างสั้นที่สุดก็คือนักเรียนดีจะต้องมีคุณสมบัติหรือองค์ประกอบอย่างน้อย 2 อย่างคือ เรียนเก่ง และ เป็นคนดี เหตุปัจจัยที่ส่งผลให้นักเรียนเป็นนักเรียนดีมีหลายอย่างเช่น พื้นฐานจิตใจนักเรียน คุณภาพการเรียนการสอน คุณภาพอาจารย์ผู้สอน คุณภาพสถานศึกษา สำหรับคุณภาพการเรียนการสอนนั้น นอกจากเรื่องห้องสมุด อาคารสถานที่ อุปกรณ์ สื่อการศึกษา ฯลฯ ยังขึ้นอยู่กับ คุณภาพอาจารย์ ด้วย นอกจากนี้ จะต้องรู้จักระวังหลีกเลี่ยงสิ่งที่จะก่อให้เกิดความเสียหายต่อตนเอง เช่น การคบเพื่อนเลว เพราะย่อมสามารถลดหรือบั่นทอนความเป็นคนดีได้โดยง่าย

แผนผังวิธีคิด

ตารางคำตอบ

--------------------มาลองทำโจทย์ของจริงกันนะ------------------------------

บทความที่1 :
"ชิคุนกุนยา"ไวรัสสายพันธ์ใหม่แพร่จากยุงลาย
ระบาดอีกแล้ว!!! โรคที่มาพร้อมกับยุง...เมื่อบอกอย่างนี้หลายคนคงนึกถึงโรคไข้เลือดออก ที่มียุงลายเป็นพาหะนำโรค ไข้มาเลเรีย ที่มียุงก้นปล่องเป็นพาหะนำโรค แต่ที่น่าตกใจเพราะตอนนี้ไม่ได้มีเพียงแค่นี้เท่านั้นแต่กลับมีโรคที่มีชื่อแปลกๆ ว่า "ชิคุนกุนยา" มาทำความรำคาญและแพร่ระบาดหนักอยู่ในภาคใต้ของประเทศเราอยู่
สถานการณ์ล่าสุด!!! หลังจากพบผู้ป่วยที่มีอาการเหมือนติดเชื้อไวรัสชิคุนกุนยา ใน 2 จังหวัดภาคใต้ คือจังหวัดนราธิวาสและปัตตานี ทำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างกระทรวงสาธารณสุข กรมควบคุมโรค เร่งส่งเจ้าหน้าที่พร้อมทั้งทีมเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบพื้นที่และเฝ้าระวังโรคดังกล่าวอย่างใกล้ชิดเพื่อหาทางยุติการแพร่ระบาทของโรคนี้
เชื่อได้เลยว่าหลายคนคงยังไม่คุ้นหูกับโรคชิคุนกุนยา ไม่รู้ว่ามันเป็นโรคอะไร???? บ้างก็แตกตื่นว่าเป็นโรคสายพันธ์ใหม่ แต่จริงๆแล้วโรคนี้มีมานานแล้ว โดยถิ่นกำเนิดแรกของมันอยู่ทวีปแอฟริกา และแพร่ระบาดไปหลายประเทศๆ ทั่วโลก หนึ่งในนั้นก็รวมประเทศไทยของเราด้วยซึ่งตรวจพบโรคชิคุนกุนยาครั้งแรกพร้อมกับที่มีโรคไข้เลือดออกระบาดและเป็นครั้งแรกในทวีปเอเชีย
น.พ.หม่อมหลวง สมชาย จักรพันธุ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค ออกมาบอกถึงโรคดังกล่าวว่า"โรคชิคุนกุนยา"เป็นโรคที่เกิดจากเชื้อไวรัสชิคุนกุนยามียุงลายเป็นพาหะนำโรค ส่วนใหญ่แล้วในเด็กจะมีอาการไม่รุนแรงเท่ากับผู้ใหญ่ ซึ่งอาการที่เด่นชัดในผู้ใหญ่คือ อาการปวดข้อ ซึ่งอาจพบข้ออักเสบได้ส่วนใหญ่จะเป็นที่ข้อเล็กๆ เช่น ข้อมือ ข้อเท้า อาการปวดข้อจะพบได้หลายๆ ข้อเปลี่ยนตำแหน่งไปเรื่อยๆ (migratory polyarthritis) อาการจะรุนแรงมากจนบางครั้งขยับข้อไม่ได้ อาการจะหายภายใน 1-12 สัปดาห์ ผู้ป่วยบางรายอาจมีอาการปวดข้อขึ้นได้อีกภายใน 2-3 สัปดาห์ต่อมา และบางรายอาการปวดข้อจะอยู่ได้นานเป็นเดือนหรือเป็นปี ไม่พบผู้ป่วยที่มีอาการรุ่นแรงถึงช็อก ซึ่งแตกต่างจากโรคไข้เลือดออก ที่อาจพบ tourniquet test ให้ผลบวก และจุดเลือดออก (petichiae) บริเวณผิวหนังได้
สาเหตุการติดต่อ!! โรคนี้ติดต่อกันได้โดยมียุงลายเป็นพาหะนำโรคที่สำคัญ เมื่อยุงลายตัวเมียกัดและดูดเลือดผู้ป่วยที่อยู่ในระยะไข้สูง ซึ่งเป็นระยะที่มีไวรัสอยู่ในกระแสเลือด เชื่อไวรัสจะเข้าสู่กระเพาะยุงและเพิ่มจำนวนมากขึ้น แล้วเดินทางเข้าสู้ต่อมน้ำลายเมื่อยุงที่มีเชื้อไวรัสชิคุนกุนยาไปกัดคนอื่นก็จะปล่อยเชื้อไปยังคนที่ถูกกัดทำให้คนๆนั้นเกิดอาการของโรคได้
ระยะการฟักตัว!!! โดยทั่วไปจะมีการฟักตัวประมาณ 1-12 วัน แต่ที่พบบ่อยประมาณ 2-3 วัน ระยะติดต่อคือระยะไข้สูงประมาณวันที่ 2-4 ซึ่งเป็นระยะที่มีไวรัสอยู่ในกระแสเลือดมาก สำหรับอาการ ผู้ป่วยจะมีอาการไข้สูงอย่างฉับพลัน ร่วมกับอาการอย่างใดอย่างหนึ่ง เช่น มีผื่นแดงขึ้นตามร่างกาย ปวดกล้ามเนื้อ ปวดกระดูกหรือข้อ ปวดศรีษะ ปวดกระบอกตา หรือมีเลือดออกตามผิวหนัง และอาจมีอาการคันร่วมด้วย พบตาแดงที่ไม่ค่อยพบจุดเลือดออกในตาขาว
ดูแล้วเหมือนมันจะอาจจะไม่ค่อยรุนแรง เหมือนโรคไข้เลือดออกสักเท่าไหร่ แต่ถึงแม้จะไม่สามารคคร่าชีวิตของคนเราไปได้ แต่เราควรที่จะระมัดระวังเอาไว้ โดยเฉพาะลูกเด็กเล็กแดง ที่อาจเสี่ยงต่อการเป็นโรคได้ง่าย อีกทั้งช่วงนี้มีฝนตกบ่อยทำให้มีน้ำขัง เหมาะแก่การเจริญเติบโตของยุงลายซึ่งเป็นพาหะนำโรคอีกด้วย
ส่วนวิธีป้องกัน!!! ถึงแม้ทุกวันนี้ยังไม่มียาหรือวัคซีนตัวใดที่ใช้รักษาได้โดยตรงทั้งโรคไข้เลือดออกและโรคชิคุนกันยา ดังนั้นการรักษาแบบประคับประคองตามอาการ ถ้ามีไข้สูง ก็ให้ยาลดไข้ หรือลดอาการปวดข้อ และพักผ่อนให้เพียงพอก็สามารถบรรเทาอาการไปได้ แต่อย่างไรก็ตามการป้องกันการแพร่พันธ์ของยุงเป็นประจำอย่างสม่ำเสมอ สัปหาละ 1 ครั้ง จึงเป็นวิธีที่ดีที่สุดต้องหมั่นตรวจดูที่กักเก็บน้ำ ไม่ว่าจะเป็น บ่อ กะละมัง เพราะเป็นแหล่งที่ยุงออกไข่ จึงจำเป็นต้องมีฝาปิด ที่ใดจำเป็นต้องมีน้ำขังอยู่ก็ให้ใส่ทรายอะเบทลงไปเพื่อป้องกันการขางไข่ และ ควรเลี้ยงปลาในอ่างที่ปลูกต้นไม้ หรือแหล่งน้ำธรรมชาติเพราะ ปลาจะกินลูกน้ำเป็นอาหาร
แต่นอกเหนือจากการป้องกันการแพร่พันธ์ของยุงแล้ว ตัวเราเองก็ต้องป้องกันตัวเราไม่ให้ถูกยุงกัด ด้วย ควรติดมุ้งลวดภายในบ้าน หรือ ทายากันยุงขณะทำงานและออกนอกบ้าน เพื่อป้องกันไม่ให้ยุงกัดตอนกล่างวัน และที่สำคัญต้องเฝ้าสังเกตุคนในบ้านว่ามีไข้และอาการคล้ายกับโรคชิคุนกุนยา หรือไม่หากมีให้รีบพาไปพบแพทย์โดยด่วน
ถึงแม้เวลานี้ โรคชิคุนกันยาจะเป็นโรคใหม่ที่มีชื่อไม่คุ้นหูนัก แต่หากปล่อยให้แพร่ระบาดไปสู่วงกว้างอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพและเศรฐกิจได้ ...วันนี้เพียงป้องกันยุงลาย นอกจากนี้จะป้องกันไข้เลือดออกแล้ว ยังช่วยป้องกันโรคชิคุนกันยาได้ด้วย

วันอาทิตย์ที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2552


พ่อแม่ไม่มีเงินทองมากองให้
จงตั้งใจภาคเพียรเรียนหนังสือ
หาวิชาความรู้เป็นคู่มือ
ไว้ยึดถือเลี้ยงตนไปจนตาย
พ่อแม่มีแต่จะแก่เฒ่า
จะเลี้ยงเจ้าเลื่อยไปนั้นอย่าหมาย
ใช้วิชาความรู้เป็นคู่กาย
ลูกสบายพ่อกับแม่ก็ชื่นใจ

วันเสาร์ที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2552

วันพฤหัสบดีที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

Trip..Suvarnabhumi Airport



Trip Suvarnabhumi Airport


In this trip , I visit Suvarnabhumi airport. I gain a great experience from there.
I get strange vacaburaries. Moreover , I get a chance to know flight attendents and pilots. If you are short , you will never think that you can be flight attendent and pilot. But what you think is wrong. The trainee said that everyone can be a pilot because it doesn't require the high height. Being the pilot can make a lot of money too.
Visiting Suvarnabhumi airport this time change me a lot.
I am not only come here to send someone to go aborad but also gain some more knowledge too.




Piyanooch.

วันเสาร์ที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

ผลคะเเนนสูง-ต่ำ Gat Pat คำแนะนำอีก



ผอ.สทศ.แจงเว็บไซต์ประกาศผล GAT/PAT ไม่ได้ล่ม แต่ปิดเป็นเวลา 30 นาที เพื่อวางระบบให้ นร.สามารถตรวจสอบเลขที่นั่งสอบและเลขที่ใบสมัครผ่านหน้าเว็บไซต์ได้ เพราะต้องใช้กรอกเพื่อเข้าดูผล หลังเด็กจำไม่ได้แห่โทรขอเลขที่เพื่อดูผล พบเด็กทำคะแนนความถนัดทางคณิตฯ เต็ม 300 คะแนน ขณะที่คะแนนวิทยาศาสตร์คนสูงสุดยังไม่ถึงได้แค่ 140 คะแนน
ศ.ดร.อุทุมพร จามรมาน ผู้อำนวยการสถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ (สทศ.) เปิดเผยว่า ในช่วงเวลา 17.00 น.ซึ่ง สทศ.แจ้งประกาศผลคะแนน GAT/PAT ผลปรากฏว่า มีเด็กนักเรียนจำนวนมากโทรศัพท์เข้ามาสอบถามเลขที่ใบสมัครสอบและเลขที่นั่งสอบ เนื่องจากเด็กจะตรวจสอบผลคะแนนทางหน้าเว็บไซต์ได้ ต่อเมื่อมีเลขที่ทั้ง 2 อย่างนี้ ทำให้ สทศ.ตัดสินใจปิดระบบเพื่อวางระบบเว็บไซต์ใหม่ ให้ผู้เข้าสอบสามารถตรวจสอบเลขที่ใบสมัครและเลขที่นั่งสอบได้ทางเว็บไซต์เลย โดยไม่ต้องโทรศัพท์เข้ามาสอบถามที่ สทศ.ทำให้เว็บไซต์ http://www.niets.or.th/ ของ สทศ.ไม่สามารถเปิดใช้งานได้เป็นเวลาประมาณ 30 นาที หลังจากนั้น ก็สามารถใช้งานได้ตามปกติ

ศ.ดร.อุทุมพร กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ นักเรียนยังสามารถตรวจสอบคะแนนได้จากเว็บพันธมิตรทั้ง 8 เว็บ ได้แก่
บ.สามารถอินโฟเนต จำกัด บมจ.ซีเอส
ล็อกซอินโฟ
บจก.เอเน็ต
บมจ.ทีโอที
บจก.ทรูอินเทอร์เน็ต
KSC
ISSP
ไอเน็ต
หรือโทร.ไปที่ Call Center เบอร์ 0-2975-5599 ทุกวันไม่เว้นวันหยุดราชการ

ซึ่งการสอบครั้งนี้มีผู้เข้าสอบทั้งหมด 2 แสนคน อย่างไรก็ตาม ตนเองมั่นใจว่า การประกาศผลในครั้งนี้ จะไม่มีปัญหาเนื่องจากมีพันธมิตรร่วมประกาศอีก 8 แห่ง มี Call Center รวมถึงมีเจ้าหน้าที่คอยตรวจสอบระบบอยู่ตลอดเวลา ซึ่งนักเรียนที่ลืมเลขที่นั่งสอบ สามารถโทรสอบถามกับเจ้าหน้าที่ หรือCall Center เพื่อนำไปใช้ตรวจสอบคะแนนได้ตลอด 24 ชั่วโมง
ศ.ดร.อุทุมพร กล่าวต่อว่า จากการประกาศผลคะแนน GAT/PAT ซึ่งมีคะแนนเต็ม 300 คะแนน พบว่าคะแนนสูง-ต่ำ ในแต่ละวิชาแบ่งออกเป็น GAT ความถนัดทั่วไป
คะแนนสูงสุด 290 คะแนน ต่ำสุด 0 คะแนน

PAT 1 ความถนัดทางด้านคณิตศาสตร์
คะแนนสูงสุด 300 คะแนน ต่ำสุด 0 คะแนน

PAT2 ความถนัดทางด้านวิทยาศาสตร์
คะแนนสูงสุด 140 คะแนน ต่ำสุด 0 คะแนน

PAT 3 ความถนัดทางวิศวกรรมศาสตร์
คะแนนสูงสุด 240 คะแนน ต่ำสุด5 คะแนน

PAT4 ความถนัดทางสถาปัตยกรรมศาสตร์
คะแนนสูงสุด 225 คะแนน ต่ำสุด 0 คะแนน

PAT5 ความถนัดทางวิฃาชีพครู
คะแนนสูงสุด 222 คะแนน ต่ำสุด 38 คะแนน

PAT6 ความถนัดทางด้านศิลปกรรมศาสตร์
คะแนนสูงสุด 165 คะแนน ต่ำสุด18 คะแนน

PAT 7 ความถนัดทางด้านภาษาต่างประเทศ โดยแยกออกเป็น
PAT 7.1 ความถนัดทางด้านภาษาฝรั่งเศส
คะแนนสูงสุด 270 คะแนน ต่ำสุด 30 คะแนน

PAT 7.2 ความถนัดทางด้านภาษาเยอรมัน
คะแนนสูงสุด 288 คะแนน ต่ำสุด 39 คะแนน

PAT 7.3 ความถนัดทางด้านภาษาญี่ปุ่น
คะแนนสูงสุด 294 คะแนน ต่ำสุด 0 คะแนน

PAT7.4 ความถนัดทางด้านภาษาจีน
คะแนนสูงสุด 291 คะแนน ต่ำสุด 27 คะแนน

PAT7.5 ความถนัดทางด้านภาษาอาหรับ
คะแนนสูงสุด 222 คะแนน ต่ำสุด 33 คะแนน

PAT 7.6 ความถนัดทางด้านภาษาบาลี
คะแนนสูงสุด 279 คะแนน ต่ำสุด 45 คะแนน

ทั้งนี้ ในส่วนของการเปรียบเทียบศักยภาพ ความรู้ จากคะแนนที่ออกมานั้น ระหว่างเด็กและผู้ใหญ่ หรือเด็กม.5 และม.6 ยังไม่สามารถเปรียบเทียบได้ทันที เนื่องจากต้องนำคะแนนที่ได้มาวิเคราะห์ ว่า ผลคะแนนที่ออกมาเด็กสามารถทำได้ดีในส่วนของข้อสอบที่ต้องใช้ความรู้ในเนื้อหาที่เรียน หรือต้องใช้การคิดวิเคราะห์มากกว่ากัน ซึ่งคิดว่าน่าจะทราบผลภายใน 3 วัน หลังประกาศผล

ที่มา : ASTVผู้จัดการออนไลน์


เพิ่มสำหรับ เพื่อนๆที่ยังไม่ได้ดูนะ หรือมีปัญหา
- ตรวจเลขที่ใบสมัคร
- ตรวจเลขที่นั่งสอบ
- ดูผลสอบ
1. สถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ(องค์การมหาชน)
2. บ.สามารถอินโฟเนต จำกัด
3. บมจ.ซีเอส ล็อกซอินโฟ

สำหรับเพื่อนที่รู้คะเเนนกันแล้ว แนว ขาว-ดำ นะ เหมือนไว้อาลัย...
ก็รู้ตัวเองแล้วนะ ว่าควรจะทำอะไรต่อไป คิดให้ดีๆ ทุกนาทีมีค่ามากกกก
ถ้ามีความฝันแล้วไม่ทำมัน มันก็ยังคงเปนความฝันอยู่ นั่นแหละ
แต่ถ้าเราทำแล้ว ทำอย่างเต็มที่แล้ว ไม่ประสบความสำเร็จ อย่างน้อยเราก็ได้ลงมือทำมัน ไม่ใช่หรอ
อย่ามาเสียใจทีหลังถ้าเรายังไม่เริ่มทำมัน...


ปล. หญ้าแห้งกันไหม โปรตีนสูงดี....

วันพุธที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

อัพติดลม ตอนไปทะเลกับอ. เลยไปเที่ยวอีก





ปลายเมษา สินะ โหะๆๆ เหมือนจาอัพย้อนอีกแล้ว 555+

28 เมษา วันแห่งความมันส์ ไปทะเลกับพี่สาว เหมือนผจญภัยอีกแล้ว
ป๊ากับแม่ ไม่ยอมไป ทิ้งให้ไปกับเจ๊ แล้วก็เพื่อนเจ๊อีก โหะๆๆๆ

Tips นี้ การเดินทางง่ายมากๆๆๆ คือ
เราจานั่งรถตู้ ตรงข้ามศิลปากร อย่าแปลกใจว่าตรงไหน คือตรงข้ามรถตู้ที่เรานั่งไปกรุงเทพนั่นแหละ
ทิปนี้ถูกนะ จะว่าไป ก็ค่ารถตู้ ขาไปก็ 150บาท ขากลับก็ 150บาท ถึงทะเลเลย แล้วก็หาห้องพักเอา
ส่วนพี่ กับเราอะหรอ จองกันไว้แล้ว ที่พักชื่อ ป๊ากับม๊า รีสอร์ท ที่นี่เค้าดีจิงๆๆนะ
สำหรับคนชอบแบบ ส่วนตัว เค้าจะให้พักห้องละ 2 คน ไม่มีเตียงเสริมให้นะ
แล้วก็ ห้ามเด็ต่ำกว่า 15 เข้า เพราะอาจจะส่งเสียงดัง รบกวนแขกอื่นๆๆ
ห้ามนำอาหารทะเลขึ้นมาด้วย เพราะ ห้องจา เน่า



นี่รูปทางเข้า ป๊า กะ ม๊า

อันนี้อยู่ตรงทางเข้า เค้าให้ลางเท้า เพื่อไปเล่น เปื้อนทราย อะไรยังงี้

ลานข้างหน้า นั่งรอ เช็ค อิน



ที่นอน มีมุ้ง ด้วย ตอนนอน มุ้งจะเกี่ยวคออยู่แล้ว555+


ขอบอก อย่าไปทำมุ้งขาดนะ มันแพง

กุญแจห้อง อันนี้ ห้ามทำหายนะ แล้วเราก็เสียค่ามัดจำตอน เช็คอินไปแล้ว

ห้องน้ำได้อารมสุดแล้ว 555+

ลืมบอกค่าห้อง มันราคา 800 - 1200 บาท ต่อคืน

วันจันทร์ที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2552

เลือกสนามสอบ GAT-PAT ครั้งที่2



การสอบ GAT/PAT ครั้งที่ 2 สอบเดือนกรกฎาคม 2552

ผู้สมัครสอบ GAT/PAT ทุกคนต้องลงทะเบียนไหม่ เพื่อขอชื่อผู้ใช้ (Username) และรหัสผ่าน (Password) ในการเลือกสนามสอบและการสมัครสอบเพิ่ม
ผู้สมัครสอบที่เคยสมัครและชำระเงินแล้ว และ /หรือ ต้องการสมัครเพิ่มวิชาสอบ มีกำหนดเลือกสนามสอบ ดังนี้ ต้องการลงทะเบียน

วันที่รายชื่อจังหวัดที่เปิดให้เลือกสนามสอบ

20 - 21 เมษายน 2552
กรุงเทพมหานคร,สมุทรปราการ,นนทบุรี,ปทุมธานี

22 - 23 เมษายน 2552
พระนครศรีอยุธยา,อ่างทอง,ลพบุรี,สิงห์บุรี,ชัยนาท,นครนายก,สระบุรี,นครสวรรค์,อุทัยธานี,กำแพงเพชร,สุโขทัย,พิษณุโลก,พิจิตร,เพชรบูรณ์,สุพรรณบุรี,นครปฐม
,สมุทรสาคร, สมุทรสงคราม

24 - 25 เมษายน 2552
ชลบุรี,ระยอง,จันทบุรี,ตราด,ฉะเชิงเทรา,ปราจีนบุรี,สระแก้ว,ตาก,ราชบุรี,กาญจนบุรี,เพชรบุรี,ประจวบคีรีขันธ์

26 - 27 เมษายน 2552

นครราชสีมา,บุรีรัมย์,สุรินทร์,ศรีสะเกษ,อุบลราชธานี,ยโสธร,ชัยภูมิ,อำนาจเจริญ,หนองบัวลำภู,ขอนแก่น,อุดรธานี,เลย,หนองคาย,มหาสารคาม, ร้อยเอ็ด,กาฬสินธุ์,สกลนคร,นครพนม, มุกดาหาร

28 - 29 เมษายน 2552
นครศรีธรรมราช,กระบี่,พังงา,ภูเก็ต,สุราษฎร์ธานี,ระนอง,ชุมพร,สงขลา,สตูล,ตรัง,พัทลุง,ปัตตานี,ยะลา,นราธิวาส

30 เมษายน - 1 พฤษภาคม 2552
เชียงใหม่,ลำพูน,ลำปาง,อุตรดิตถ์,แพร่,น่าน,พะเยา,เชียงราย, แม่ฮ่องสอน

2 - 12 พฤษภาคม 2552
เปิดให้เลือกสนามสอบทุกจังหวัด
หมายเหตุ : หลังจากวันที่ 12 พฤษภาคม 2552 ผู้สมัครที่ไม่เข้ามาเลือกสนามสอบ สทศ.จะจัดสนามสอบให้ตามความเหมาะสม

วันศุกร์ที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2552

VISITE DE RAMA YADE EN THAÏLANDE (12 - 14 MARS)

VISITE DE RAMA YADE EN THAÏLANDE (12 - 14 MARS)
นางรามา ยาดเดินทางเยือนประเทศไทย (12-14 มีนาคม 2552)






La visite en Thaïlande de la Secrétaire d’Etat chargée des Affaires étrangères et des droits de l’Homme, Mme Rama Yade, du 12 au 14 mars visait à renforcer nos relations bilatérales avec ce pays, l’un des principaux partenaires de la France en Asie du Sud-est, qui assure en cette année 2009 la présidence de l’ASEAN.
นางรามา ยาด รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศและสิทธิมนุษยชน เดินทางมาเยือนประเทศไทยระหว่างวันที่ 12-14 มีนาคม พ.ศ.2552 เพื่อกระชับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศฝรั่งเศสและไทย ประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ซึ่งเป็นหุ้นส่วนสำคัญของฝรั่งเศส ทั้งยังเป็นประธานของกลุ่มประเทศอาเซียนช่วงปีพ.ศ.2552


La secrétaire d’Etat s’est entretenue avec le ministre des Affaires étrangères, M. Kasit Piromya, afin d’évoquer les questions bilatérales aussi bien économiques, politiques que culturelles ainsi que les enjeux régionaux, en particulier la situation en Birmanie. Mme Rama Yade a également rencontré des personnalités thaïlandaises engagées dans la défense des droits de l’Homme.
นางรามา ยาดได้เข้าเยี่ยมคารวะนายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของไทย เพื่อเจรจาเรื่องความร่วมมือทวิภาคี งานด้านเศรษฐกิจ การเมืองและวัฒนธรรม รวมถึงเรื่องงานในระดับภูมิภาคโดยเฉพาะอย่างยิ่ง สถานการณ์ในประเทศพม่า และยังได้พบปะกับตัวแทนขององค์กรต่างๆ ที่ดูแลเกี่ยวกับเรื่องสิทธิมนุษยชน


Au cours de son déplacement, la secrétaire d’Etat s’est rendue, à Bangkok, au centre d’accueil de victimes de trafics d’êtres humains de Baan Kredtrakarn, qui offre protection aux enfants et aux femmes de toutes nationalités victimes de travail forcé, d’exploitation sexuelle et de mendicité forcée. Elle s’est également rendue à Chiang Mai, dans un hôpital spécialisé dans le traitement du sida où l’Institut français de Recherche pour le Développement mène un projet sur la transmission du virus de la mère à l’enfant.
นอกจากนี้ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศฝรั่งเศสได้เข้าเยี่ยมชมบ้านเกร็ดตระการ กรุงเทพฯ ซึ่งคุ้มครองและพัฒนาอาชีพแก่เด็ก และสตรีที่เป็นเหยื่อแรงงาน ทางเพศและถูกบังคับให้ขอทาน นางรามา ยาดยังได้เยี่ยมชมโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งหน่วยงานวิจัยเพื่อการพัฒนาของฝรั่งเศสแห่งหนึ่งใช้เป็นสถานที่ดำเนินโครงการเกี่ยวกับการติดต่อของไวรัสโรคเอดส์จากมารดาสู่ทารก


La secrétaire d’Etat s’est enfin renue au camp de Ban Mai Nai Soi, au Nord de la Thaïlande, où vivent près de 20 000 réfugiés birmans. L’objectif était de renforcer la coopération entre le gouvernement thaïlandais et les principaux donateurs d’aide en faveur des réfugiés, parmi lesquels l’Union européenne.
นอกจากนี้แล้ว ยังได้เดินทางไปที่ศูนย์อพยพบ้านใหม่ในสอย จ.แม่ฮ่องสอน ซึ่งมีผู้อพยพชาวพม่าประมาณ 20,000 คน มีจุดประสงค์เพื่อส่งเสริมความร่วมมือระหว่างรัฐบาลไทยและผู้สนับสนุนทางด้านการเงินแก่โครงการนี้ ซึ่งหนึ่งในนั้นคือสหภาพยุโรป

วันอาทิตย์ที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2552

Nick Vujicic



"No arms, No legs, No worries"


An amazing story of faith in adversity. If Nick's story doesn't convince us about God's love & His power & what faith can do, then nothing else will.
เรื่องเล่าอันน่าอัศจรรย์ใจเกี่ยวกับความเชื่อในภาวะอันยากลำบาก ถ้าเรื่องของนิคไม่ทำให้เราเชื่อเรื่องความรักของพระเจ้าและพลังของพระองค์ รวมถึงสิ่งที่ความเชื่อนั้นทำให้เกิดขึ้นได้ ก็คงไม่มีเรื่องไหนที่จะทำให้เราเชื่อได้อีกแล้ว
My name is Nick Vujicic and I give God the Glory for how He has used my testimony to touch thousands of hearts around the world!
ผมชื่อ นิค วูจิซิค และผมขอมอบสิ่งดีต่าง ๆ ให้เป็นของพระเจ้าสำหรับโอกาสการเป็นพยานของผมที่จับต้องหัวใจของคนนับแสนทั่วโลก!
I was born without limbs and doctors have no medical explanation for this birth "defect". As you can imagine, I was faced with many challenges and obstacles.
ผมเกิดมาโดยที่ไม่มีแขนขาและหมอก็หาคำอธิบายทางการแพทย์ไม่ได้สำหรับ "ข้อบกพร่อง" จากการกำเนิดนี้ อย่างที่คุณน่าจะจินตนาการได้ว่าผมต้องเจอกับความท้าทายและอุปสรรคมากมาย


"Consider it pure joy, my Brothers, whenever you face trials of many kinds."
"คิดซะว่ามันเป็นความรู้สึกเป็นสุขอันบริสุทธิ์เถิดพี่น้อง เมื่อไหร่ก็ตามที่เราต้องเจอกับการทดลองในหลายรูปแบบ"


....To count our hurt, pain and struggle as nothing but pure joy? As my parents were Christians, and my Dad even a Pastor of our church, they knew that verse very well.
...ให้ถือว่าความเจ็บปวด ความทุกข์ยาก และการต่อสู้ดิ้นรนของเราเป็นความรู้สึกอันเป็นสุขงั้นเหรอ? ด้วยความที่พ่อแม่ของผมเป็นคริสเตียน โดยเฉพาะอย่างยิ่งพ่อของผมที่เป็นนักเทศน์ในโบสถ์ พวกเค้ารู้ซื้งในคำพูดนั้นเป็นอย่างดี
However, on the morning of the 4th of December 1982 in Melbourne (Australia), the last two words on the minds of my parents was "Praise God!".
อย่างไรก็ตาม เช้าวันหนึ่งของวันที่ 4 ธันวาคม ปี 1982 ที่เมืองเมลเบิร์น (ประเทศออกเตรเลีย) สองคำสุดท้ายที่อยู่ในใจของพ่อแม่ผมก็คือ "สรรเสริญพระเจ้า!"
Their firstborn son had been born without limbs! There were no warnings or time to prepare themselves for it. The doctors we shocked and had no answers at all! There is still no medical reason why this had happened and Nick now has a Brother and Sister who were born just like any other baby.
ลูกชายคนแรกของพวกเขาเกิดมาไม่มีแขนขา! ไม่มีคำเตือนใด ๆ หรือแม้แต่เวลาให้เตรียมใจสำหรับเรื่องนี้ หมอก็ตกใจและไม่มีคำตอบใด ๆ เลย! ยังคงไม่มีเหตุผลทางการแพทย์ใด ๆ ที่จะอธิบายได้ว่าทำไมสิ่งนี้จึงเกิดขึ้น และตอนนี้นิคมีทั้งน้องชายและน้องสาวที่เกิดมาเหมือนกับเดกปกติคนอื่น ๆ
The whole church mourned over my birth and my parents were absolutely devastated. Everyone asked, "if God is a God of Love, then why would God let something this bad happen to not just anyone, but dedicated Christians?" My Dad thought I wouldn't survive for very long, but tests proved that I was a healthy baby boy just with a few limbs missing.
คนทั้งโบสถ์เศร้าโศกกับเรื่องที่เกิดขึ้นกับการเกิดมาของผม และพ่อแม่ผมก็รู้สึกไปกับเรื่องเหล่านั้น ทุกคนถามว่า "ถ้าพระเจ้าเป็นพระเจ้าแห่งความรัก ถ้างั้นทำไมพระองค์ถึงยอมให้สิ่งเลวร้ายแบบนี้เกิดขึ้น ไม่ใช่แค่กับใครคนอื่น แต่กับคริสเตียนที่ทุ่มเทแบบนี้" พ่อผมไม่คิดว่าผมจะมีชิวิตอยู่ได้นานนัก แต่ผลการทดสอบกลับบอกว่าผมเป็นเด็กผู้ชายแข็งแรง เพียงแค่แขนขาหายไปเท่านั้นเอง
Understandably, my parents had strong concern and evident fears of what kind of life I'd be able to lead. God provided them strength, wisdom and courage through those early years and soon after that I was old enough to go to school.
พ่อแม่ผมมีความกังวลอย่างมากและแสดงให้เห็นถึงความกลัวว่าชีวิตแบบไหนกันนะที่ผมจะเติบโตขึ้นมา ซึ่งมันก็เข้าใจได้อยู่หรอก แต่ว่าพระเจ้าก็ให้ความเข้มแข็ง สติปัญญา และความกล้าแก่พวกท่านในการที่จะผ่านสิ่งเหล่านี้ไปได้ในช่วงปีแรก ๆ และไม่นานหลังจากนั้นผมก็โตพอที่จะไปโรงเรียนได้
The law in Australia didn't allow me to be integrated into a main-stream school because of my physical disability. God did miracles and gave my Mom the strength to fight for the law to be changed. I was one of the first disabled students to be integrated into a main-stream school.
กฎหมายในประเทศไม่อนุญาตให้ผมได้เข้าโรงเรียนที่ดีที่สุดเนื่องจากสภาพความบกพร่องทางร่างกายของผม แต่พระเจ้าก็ทำเรื่องมหัศจรรย์และให้พลังแก่แม่ผมในการที่จะต่อสู้กับกฎหมายเพื่อให้มันเปลี่ยนไป ผมเป็นคนหนึ่งในนักเรียนที่พิการรุ่นแรกที่ได้เข้าศึกษาในโรงเรียนในระดับหน้า

I liked going to school, and just try to live life like everyone else, but it was in my early years of school where I encountered uncomfortable times of feeling rejected, weird and bullied because of my physical difference. It was very hard for me to get used to, but with the support of my parents, I started to develop attitudes and values which helped me overcome these challenging times.
ผมชอบไปโรงเรียนและพยายามที่จะมีชีวิตเหมือนกับคนอื่น ๆ แต่ผมก็ได้รับรู้ในปีแรก ๆ ของการไปโรงเรียนถึงเวลาที่รู้สึกไม่สบายใจอันเกิดจากการถูกปฎิเสธ รู้สึกแปลกแยกและถูกล้อเลียนจากความแตกต่างทางร่างกายของผม เป็นเรื่องยากสำหรับผมที่จะชินกับความรู้สึกนั้น แต่ด้วยการสนับสนุนของพ่อแม่ ผมเริ่มที่จะพัฒนาทัศนคติที่ดีและคุณค่าที่ช่วยให้ผมก้าวผ่านเวลาแห่งความท้าทายนั้น
I knew that I was different but on the inside I was just like everyone else. There were many times when I felt so low that I wouldn't go to school just so I didn't have to face all the negative attention. I was encouraged by my parents to ignore them and to try start making friends by just talking with some kids. Soon the students realized that I was just like them, and starting there God kept on blessing me with new friends.
ผมรู้ว่าภายนอกผมต่างจากคนอื่นแต่ข้างในนั้นผมก็เหมือนกับทุกคนแหละ มีหลายครั้งที่ผมรู้สึกแย่มาก ๆ จนไม่อยากไปโรงเรียนเพื่อที่จะไม่ต้องไปเจอเรื่องแย่ ๆ พวกนั้น แต่ผมก็ได้รับการชูใจจากพ่อแม่ในการที่จะไม่สนใจสิ่งเหล่านั้น และให้เริ่มหาเพื่อนโดยการไปพูดคุยกับเด็กบางคน ไม่นานนักเด็กนักเรียนเหล่านั้นก็รู้ว่าผมก็เหมือนพวกเขานั้นแหละ และจากตรงนั้น พระเจ้าก็อวยพรผมในการพบเพื่อนใหม่
There were times when I felt depressed and angry because I couldn't change the way I was, or blame anyone for that matter. I went to Sunday School and learnt that God loves us all and that He cares for you. I understood that love to a point as a child, but I didn't understand that if God loved me why did He make me like this? Is it because I did something wrong? I thought I must have because out of all the kids at school, I'm the only weird one. I felt like I was a burden to those around me and the sooner I go, the better it'd be for everyone. I wanted to end my pain and end my life at a young age, but I am thankful once again, for my parents and family who were always there to comfort me and give me strength.
มีบางเวลาที่ผมรู้สึกหดหู่และโกรธเกรี้ยวเพราะผมไม่สามารถเปลี่ยนแปลงสิ่งที่เกิดขึ้นกับร่างกายผม หรือไม่สามารถโทษใครได้สำหรับสิ่งที่เกิดขึ้น ผมไปโรงเรียนสอนศาสนาวันอาทิตย์และได้เรียนรู้ว่าพระเจ้ารักเราทุกคนและพระองค์ทรงห่วงใยเรา ผมก็เข้าใจความรักในแบบเด็ก ๆ แต่ผมไม่เข้าใจว่า ถ้าพระเจ้ารักผม ทำไมพระองค์ถึงทำให้ผมเป็นแบบนี้? เป็นเพราะว่าผมทำอะไรผิดหรือเปล่า? ผมคิดว่าผมต้องทำอะไรผิดแน่เลยเพราะจากเด็กทุกคนในโรงเรียน มีผมคนเดียวที่ประหลาด ผมรู้สึกเหมือนกับว่าผมเป็นภาระของคนรอบ ๆ ตัวผม และถ้าผมยิ่งตายเร็วเท่าไหร่ ทุกคนก็คงสบายขึ้นเท่านั้น ผมต้องการที่จะจบความเจ็บปวดและจบชีวิตนี้ด้วยอายุเพียงน้อยนิด แต่ผมก็ต้องขอบคุณอีกครั้งหนึ่ง สำหรับพ่อแม่และครอบครัวที่อยู่ตรงนั้นเพื่อผมตลอดเวลาเพื่อที่จะทำให้ผมรู้สึกดีและเข้มแข็ง
Due to my emotional struggles I had experienced with bullying, self esteem and loneliness, God has implanted a passion of sharing my story and experiences to help others cope with whatever challenge they have in their life and let God turn it into a blessing.
เนื่องจากการต้องดิ้นรนในด้านอารมณ์ของผม ผมต้องเจอกับการกลั่นแกล้ง การเคารพตัวเอง และความโดดเดี่ยว พระเจ้าได้ปลูกฝังความหลงไหลในการแบ่งปันเรื่องราวและประสบกาณ์ของผมเพื่อช่วยเหลือคนอื่นในการรับมือกับความท้าทายใด ๆ ก็ตามที่พวกเขาต้องเจอในชีวิตและยอมให้พระเจ้าเปลี่ยนเรื่องเหล่านั้นเป็นพระพร
To encourage and inspire others to live to their fullest potential and not let anything get in the way of accomplishing their hopes and dreams. One of the first lessons that I have learnt was not to take things for granted.
เพื่อหนุนใจและดลใจให้ผู้อื่นใช้ชีวิตอย่างเต็มที่เท่าที่จะทำได้ และไม่ยอมให้สิ่งใดเข้ามาขวางความหวังและฝันของพวกเข้าได้บทเรียนหนึ่งในเรื่องแรก ๆ ที่ผมได้เรียนรู้ก็คือการที่จะไม่ทึกทักเอาเอง
"And we know that in all things God works for the best for those who love Him." That verse spoke to my heart and convicted me to the point where that I know that there is no such thing as luck, chance or coincidence that these "bad" things happen in our life.
"และเรารู้ว่าพระเจ้ากระทำดีที่สุดในทุกสิ่งเพื่อคนที่รักพระองค์" คำพูดนั้นโดนใจผมมากและพิสูจน์ให้เห็นว่าไม่มีสิ่งที่เรียกว่า โชค หรือความบังเอิญที่ทำให้สิ่ง "เลวร้าย" นี้เกิดขึ้นในชีวิตของเรา
I had complete peace knowing that God won't let anything happen to us in our life unless He has a good purpose for it all. I completely gave my life to Christ at the age of fifteen after reading John 9.Jesus said that the reason the man was born blind was "so that the works of God may be revealed through Him." I truly believed that God would heal me so I could be a great testimony of His Awesome Power. Later on I was given the wisdom to understand that if we pray for something, if it's God's will, it'll happen in His time. If it's not God's will for it to happen, then I know that He has something better. I now see that Glory revealed as He is using me just the way I am and in ways others can't be used.
ผมได้พบกับความสงบอย่างสมบูรณ์ในการได้รู้ว่าพระเจ้าจะไม่ปล่อยให้สิ่งใดเกิดขึ้นกับเราถ้าพระองค์ไม่มีจุดหมายที่ดีสำหรับเราทุกคน ผมอุทิศทั้งชีวิตของผมให้กับพระเจ้าเมื่อผมอายุ 15 หลังจากได้อ่าน ยอห์น บทที่ 9พระเยซูกล่าวว่าเหตุผลที่คนตาบอดเกิดมาตาบอดก็เพราะ "เพื่อว่างานของพระเจ้าจะได้รับการสรรเสริญผ่านทางคนนั้น" ผมเชื่ออย่างยิ่งว่าพระเจ้าจะรักษาผมเพื่อที่ผมจะได้เป็นพยายานอันยิ่งใหญ่ให้กับพลังอันดีเลิศของพระองค์ หลังจากนั้นผมก็ได้รับสติปัญญาที่จะเข้าใจว่าถ้าเราอธิฐานเพื่อสิ่งใด ถ้าสิ่งนั้นเป็นพระประสงค์ของพระเจ้า สิ่งนั้นจะเกิดขึ้นในเวลาของพระองค์ ถ้าสิ่งนั้นไม่ใช่พระประสงค์ของพระเจ้าที่จะให้เกิดขึ้น ผมก็รู้ว่าพระองค์มีสิ่งที่ดีกว่าให้กับผม ตอนนี้ผมได้เห็นถึงความยิ่งใหญ่ของพระองค์ในการใช้ผมในสิ่งที่ผมเป็นและเป็นสิ่งที่คนอื่นไม่มี
I am now twenty-three years old and have completed a Bachelor of Commerce majoring in Financial Planning and Accounting. I am also a motivational speaker and love to go out and share my story and testimony wherever opportunities become available. I have developed talks to relate to and encourage students through topics that challenge today's teenagers. I am also a speaker in the corporate sector.
ตอนนี้ผมอายุ 23 ปีและสำเร็จปริญญาตรีด้านการค้า เอกการวางแผนด้านการเงินและบัญชี ผมยังเป็นนักพูดให้กำลังใจและรักที่จะออกไปข้างนอกและแบ่งปันเรื่องราวของผมและเป็นพยาน ณ ที่ใดก็ตามที่โอกาสเป็นใจ ผมได้พัฒนาการพูดเพื่อให้เกี่ยวโยงกับการให้กำลังใจนักเรียนผ่านทางหัวข้อที่เป็นเรื่องท้าทายสำหรับเด็กวัยรุ่นในสมัยนี้ นอกจากนั้นผมยังเป็นนักพูดในภาคธุรกิจอีกด้วย
I have a passion for reaching out to youth and keep myself available for whatever God wants me to do, and wherever He leads, I follow.
ผมมีความรักในการยื่นมือออกไปช่วยเยาวชน และการทำตัวเองให้ว่างเพื่อสิ่งใดก็ตามที่พระเจ้าอยากให้ผมทำ และที่ใดก็ตามที่พระองค์ทรงนำ ผมตาม
I have many dreams and goals that I have set to achieve in my life. I want to become the best witness I can be of God's Love and Hope, to become an international inspirational speaker and be used as a vessel in both Christian and non-Christian venues. I want to become financially independent by the age of 25, through real estate investments, to modify a car for me to drive and to be interviewed and share my story on the "Oprah Winfrey Show"! Writing several best-selling books has been one of my dreams and I hope to finish writing my first by the end of the year. It will be called "No Arms, No Legs, No Worries!"
ผมมีความฝันและเป้าหมายมากมายที่ผมตั้งไว้เพื่อที่จะทำให้สำเร็จในชีวิตนี้ ผมอยากจะเป็นพยานที่ดีที่สุดที่ผมจะเป็นได้สำหรับความรักและความหวังของพระเจ้า อยากเป็นนักพูดให้กำลังใจในระดับสากล และเพื่อถูกใช้เป็นภาชนะทั้งในเรื่องของคริสเตียนและเรื่องอื่น ๆ ผมอยากมีอิสระทางการเงินเมื่ออายุ 25 ผ่านทางการลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ เพื่อออกแบบรถสำหรับผมที่จะขับได้และอยากได้รับการสัมภาษณ์และแบ่งปันเรื่องราวของผมผ่านทางรายการ "โอปราห์ วินฟรี โชว์"! การได้เขียนหนังสือหลายเล่มที่ติดอันดับขายดีที่สุดก็เป็นหนึ่งในความฝันของผม และผมหวังว่าจะเขียนหนังสือเล่มแรกให้เสร็จภายในสิ้นปีนี้ หนังสือเล่มนี้จะมีชื่อว่า "ไม่มีแขน ไม่มีขา ไม่มีกังวล!"
I believe that if you have the desire and passion to do something, and if it's God's will, you will achieve it in good time. As humans, we continually put limits on ourselves for no reason at all! What's worse is putting limits on God who can do all things. We put God in a "box". The awesome thing about the Power of God, is that if we want to do something for God, instead of focusing on our capability, concentrate on our availability for we know that it is God through us and we can't do anything without Him. Once we make ourselves available for God's work, guess whose capabilities we rely on? God's!
ผมเชื่อว่าถ้าคุณมีความปรารถนาและความหลงไหลที่จะทำสิ่งใด และถ้าสิ่งนั้นเป็นประสงค์ของพระเจ้า คุณก็จะทำสำเร็จในเวลาที่เหมาะสม จากการเป็นมนุษย์นี้เอง ทำให้เรามักจะจำกัดตัวเองโดยไร้เหตุผล! สิ่งที่แย่กว่านั้นก็คือการจำกัดความสามารถของพระเจ้าใตการกระทำทุกสิ่ง เราจำกัดพระเจ้าลงใน "กล่อง" สิ่งที่ดีเกี่ยวกับพลังของพระเจ้าก็คือการที่ถ้าเราต้องการที่จะทำสิ่งใดก็ตามเพื่อพระองค์ แทนที่จะสนใจความสามารถของเรา ให้เพ่งความสนใจไปที่เวลาที่เรามีที่จะให้พระองค์ เพราะเรารู้ดีว่าสิ่งที่กระทำนั้นเป็นสิ่งที่พระเจ้าทำผ่านเรา และเราไม่สามารถทำสิ่งใดได้เลยหากปราศจากพระองค์ แต่เมื่อเราทำตัวให้ว่างเพื่องานของพระเจ้าแล้ว ลองเดาดูซิว่าความสามารถของใครที่เราจะพึ่งพา? ของพระเจ้าไง
ถ้าอยากรู้จักเขามากขึ้น ไปอ่านสเปซของเขาได้ที่